วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562

คณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ใน สพฐ. เตรียมชงเลขาธิการ กพฐ. ฟันธง! แนวทางจัดตั้งสำนักฯ ตามร่าง พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. ...


วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ดร.อัมพร พินะสา รองเลขาธิการ กพฐ. มอบหมายให้ ดร.อโณทัย ไทยวรรณศรี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งสำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาใน สพฐ. ตามร่างพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. ... มาตรา 18 จัดโดยกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร (ก.พ.ร.) สพฐ.

ดร.อโณทัย ไทยวรรณศรี (ผอ.สนก. และผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา)

การประชุมมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และพิจารณาข้อเสนอทางเลือกที่เหมาะสมในการจัดตั้งสำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ใน 4 ทางเลือก ได้แก่ 1) การจัดตั้งเป็นสำนักใหม่ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ 2) การแก้ไขกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการฉบับเดิม โดยเพิ่มภารกิจในสำนักใดสำนักหนึ่ง เช่น สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา (สนก.) หรือยุบรวมสำนักเพื่อจัดตั้งสำนักใหม่โดยไม่เพิ่มจำนวนสำนักในภาพรวม 3) จัดตั้งเป็นสำนักภายใน สพฐ. และ 4) จัดตั้งเป็นกลุ่มภายในสำนักหลัก

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ (ประธาน TDRI และรองประธานคณะกรรมการอำนวยการพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา)

ประเด็นที่มีการระบุให้จัดตั้งสำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สืบเนื่องมาจากร่างพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. ... ที่ให้จัดตั้งสำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ใน สพฐ. ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานวิชาการและงานธุรการของคณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา รวมทั้งให้มีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ คือ 1) เป็นหน่วยงานกลางในการดำเนินการ ส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา และรับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการนโยบาย 2) จัดทำนโยบายและยุทธศาสตร์ของประเทศในการดำเนินการส่งเสริมให้มีพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบาย 3) จัดให้มีการวิเคราะห์และวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมการศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 4) จัดทำมาตรฐานข้อมูลและมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลการจัดการศึกษาของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาและสถานศึกษานำร่องเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบาย 5) รวบรวมข้อมูล ศึกษา และวิเคราะห์แนวทางการจัดการศึกษาของสถานศึกษานำร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบาย 6) กำกับ ติดตาม และตรวจสอบการจัดการศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 7) จัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับการจัดการศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 8) ปฏิบัติงานอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นที่บัญญัติให้เป็นหน้าที่และอำนาจของสำนักงาน หรือตามที่คณะกรรมการนโยบายมอบหมาย
ผู้แทนสำนักงาน ก.พ.ร.

ผลการประชุมคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งสำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาใน สพฐ. ตามร่างพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. ... มาตรา 18 ได้วิเคราะห์และอภิปรายข้อดีข้อเสียของทางเลือกทั้ง 4 โดยสรุปดังนี้
  1. การจัดตั้งเป็นสำนักใหม่ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ จะต้องใช้ระยะเวลายาวนาน ประมาณ 1 ปีครึ่ง จะต้องสมเหตุสมผลในการจัดตั้งเช่นการเป็นภารกิจถาวร/เป็นงานที่ไม่จบสิ้น แต่ภารกิจตาม พ.ร.บ.นี้มีวันจบภายใน 7 ปี หรือต่อได้อีกไม่เกิน 7 ปี ดังนั้น จึงไม่เหมาะที่จะจัดตั้งเป็นสำนักใหม่ตามทางเลือกนี้ อีกทั้งการจะจัดตั้งเป็นสำนักใหม่ตามกฎกระทรววงแบ่งส่วนราชการ จะต้องอ้างอิงปริมาณงานย้อนหลัง 3 ปี จึงจะสามารถวิเคราะห์ได้ว่ามีงานมากเพียงใด จำเป็นต้องใช้บุคลากรเท่าใด เมื่อไม่มีงานย้อนหลังก็ไม่สามารถวิเคราะห์ปริมาณงานได้ การเสนอให้จัดตั้งสำนักงานใหม่ในกรณีเช่นนี้ยากที่จะประสบผลสำเร็จในการจัดตั้ง
  2. การแก้ไขกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการฉบับเดิม โดยเพิ่มภารกิจในสำนักใดสำนักหนึ่ง เช่น สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา (สนก.) หรือยุบรวมสำนักเพื่อจัดตั้งสำนักใหม่โดยไม่เพิ่มจำนวนสำนักในภาพรวม ทางเลือกนี้มีมติ ครม.รองรับให้กรมสามารถปรับปรุงอำนาจหน้าที่ได้เอง โดยการพิจารณาของกรรมการโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการ (ไม่ต้องส่งไปสำนักงาน ก.พ.ร.) ในแนวทางปฏิบัติจะต้องดูว่าภารกิจของสำนักใหม่ใกล้เคียงกับสำนักใด ณ ปัจจุบัน พบว่า ใกล้เคียงกับ สนก. ดังนั้น จะเพิ่มอำนาจหน้าที่ของ สนก.ว่า ให้ทำหน้าที่เป็นสำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา และเพิ่มภารกิจของสำนักใหม่เข้าไปเป็นอำนาจหน้าที่ของ สนก. ด้วย หากเป็นเช่นนี้บุคลากรของ สนก. ก็ต้องทำทั้งงานเดิมและงานใหม่ และอาจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. ที่ต้องการให้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นมารับผิดชอบดำเนินการเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ ทำภารกิจเดียว มีบุคลากรรับผิดชอบโดยตรง แบบเต็มเวลา (ไม่ใช่งานฝาก)
  3. จัดตั้งเป็นสำนักภายใน สพฐ. ซึ่งสามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกับที่ สพฐ. ได้ดำเนินการแล้วหลายสำนัก เป็นการแยกสำนักและบุคลากรออกมารับผิดชอบงานโดยเฉพาะ สามารถตั้งกลุ่มงานภายในดำเนินการได้เบ็ดเสร็จในตนเอง สามารถจัดตั้งได้โดยเร็ว โดยเป็นอำนาจของเลขาธิการ กพฐ. แล้วเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงนามในประกาศจัดตั้งสำนักงาน  และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ที่ต้องการให้มีสำนักดูแลเฉพาะ สำนักนี้สามารถบริหารจัดการรูปแบบใหม่ ที่ไม่ใหญ่นัก มีความคล่องตัว รวดเร็ว เป็น smart organization ดำเนินการเฉพาะเรื่อง อาจใช้การจ้างเอกชน (outsources) ดำเนินการในบางรายการ การจัดตั้งเป็นสำนักภายในมีประเด็นที่น่าห่วงคือ จะมีอำนาจเต็มหรือไม่ จะติดกรอบโครงสร้าง กรอบอัตรากำลังหรือไม่ เมื่อปฏิบัติจริงอาจมีข้าราชการประสงค์มาปฏิบัติงานในสำนักภายในไม่มากนัก ก็อาจให้ ผอ.สำนักและบุคลากร อีก 5 คน เป็นข้าราชการ ส่วนที่เหลืออีก 15 คน ให้จ้างอัตราจ้างมาเสริม (กรณีมีกรอบบุคลากร 20 คน) 
  4. จัดตั้งเป็นกลุ่มภายในสำนักหลัก เป็นการตั้งกลุ่มงานในสำนักหลัก เช่น ใน สนก. โดยตั้งกลุ่มงานใหม่เป็น "สำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา" ซึ่งเป็นชื่อตาม พ.ร.บ. อาศัยอำนาจของ อ.ก.พ. กระทรวง โดยออกประกาศ/คำสั่งให้บุคลากรปฏิบัติภารกิจตามบทบาทหน้าที่ที่กำหนดไว้ ซึ่งแนวทางนี้สามารถดำเนินการได้รวดเร็วมากที่สุด ในการดำเนินการให้เติม Job Description (JD) ของสำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษามาใส่ไว้ใน JD ในกลุ่มงานที่จัดตั้งขึ้นใหม่ นอกจากนั้น ให้ระบุหน้าที่ของ สนก. ให้ทำหน้าที่เป็นสำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา โดยมีอำนาจหน้าที่ตามกฏหมายว่าด้วยพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา แต่การจัดตั้งเป็นกลุ่มภายในสำนักหลักเช่นนี้ จะเป็นการแสดงตัวตนได้ไม่เท่าเทียมกับหัวหน้าหน่วยงานและภาคีเครือข่ายอื่น หรืออาจไม่เหมาะสมเมื่อไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบาย ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รวมทั้งการเป็นกลุ่มงานภายในอาจมีข้อจำกัดเรื่องอัตรากำลัง/จำนวนคนที่จะเป็นสมาชิกกลุ่มนี้  
ผู้เข้าประชุมได้แสดงความคิดเห็นสนับสนุนการจัดตั้งสำนักตามแนวทางที่ 3 จัดตั้งเป็นสำนักภายใน บางส่วนเห็นว่าอาจเป็นรูปแบบผสม อย่างไรก็ตาม ก.พ.ร. สพฐ. จะนำเสนอผลการประชุมคณะกรรมการฯ ให้เลขาธิการ กพฐ. ได้พิจารณาและตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการจัดตั้งสำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งสำนักงานฯขึ้นมาแล้ว จะต้องมีการจัดระบบ/ออกแบบกระบวนการทำงานของสำนักงาน ให้เหมาะสมกับภารกิจ รวมทั้ง พิจารณาระบบการจูงใจ การพัฒนาทีม และการสรรหาบุคลากรที่มีศักยภาพเชิงวิชาการ การประสานงาน และมี "ใจ" มาทำหน้าที่เป็น "หู" เพื่อรับฟังข้อมูลจากพื้นที่ เป็น "สมอง" เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากพื้นที่ไปใช้ประโยชน์ และเป็น "ปาก" เพื่อสื่อสารนำเสนอผลต่อผู้เกี่ยวข้อง และไม่ว่าสำนักใหม่จะจัดตั้งแนวทางใด จะต้องทำงานเชิงบูรณาการกับหน่วยงานภายในสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เชื่อมโยงกับสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด และจะต้องสามารถประสานความร่วมมือกับหน่วยงานราชการและภาคีเครือข่ายอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้เข้าประชุมประกอบด้วยกรรมการ 5 กลุ่ม ได้แก่ (1) สำนักงาน ก.พ.ร. (นายจิรวัฒน์ ระโหฐาน นักพัฒนาระบบราชการชำนาญการพิเศษ รักษาราชการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาระบบราชการ, นางสาวจารุวรรณ ฤทธิบันลือ นักพัฒนาระบบราชการชำนาญการพิเศษ, นายอนุสิทธิ์ พาวัฒนา นักพัฒนาระบบราชการชำนาญการ, นางสาวเพ็ญนภา ปานชื่น นักพัฒนาระบบราชการชำนาญการ) (2) ภาคีเพื่อการศึกษาไทย/ผู้มีส่วนร่วมในการจัดทำร่าง พ.ร.บ. (ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธาน TDRI, น.ส.ณิชา พิทยาพงศกร นักวิจัย TDRI) (3) คณะกรรมการขับเคลื่อน 6 พื้นที่ (ศรีสะเกษ: นายเสนีย์ เรืองฤทธิ์ราวี ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 4, ระยอง: นายสุพรรณ หารธุจิต ผอ.สพป.ระยอง เขต 1, สตูล: นายสุทธิ สายสุนีย์ ผอ.รร.อนุบาลสตูล, เชียงใหม่: นายณรงค์ อภัยใจ ผอ.รร.บ้านเมืองกื้ด, กาญจนบุรี: นายฉลอง ขำมาก ผอ.กลุ่มนิเทศฯ สพป.กาญจนบุรี เขต 1, จังหวัดชายแดนภาคใต้: นายภิรมย์ จีนธาดา ผอ.สพป.ปัตตานี เขต 1) (4) หน่วยงาน สป.ศธ./ ศึกษาธิการจังหวัด (นายวชิรพันธ์ นาคก้อน ผอ.สำนักบูรณาการยุทธศาสตร์การศึกษา สป.ศธ., นายดาลัน นุงอาหลี ศึกษาธิการจังหวัดสตูล) และ (5) สำนักใน สพฐ. (น.ส.ลิลิน ทรงผาสุก ผอ.กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร, นายวันชัย ธงชัย ผอ.สำนักการคลังและสินทรัพย์, นายสานิต พิมพ์วงศ์ ผอ.สำนักนิติการ, นายวันชัย จันทร์ดำ ผอ.กลุ่มงบประมาณ1 ผู้แทน ผอ.สนผ., น.ส.สิริมา หมอนไหม รอง ผอ.สนก., นางบรรเจอดพร สู่แสนสุข รอง ผอ.สนก., น.ส.สมพร สามทองกล่ำ ผอ.กลุ่มวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน สนก., นายพิทักษ์ โสตถยาคม ผอ.กลุ่มวิจัยและส่งเสริมการวิจัยทางการศึกษา สนก., น.ส.จุฬาลักษณ์  ทรัพย์สุทธิ นักวิชาการศึกษา ก.พ.ร.,  น.ส.ปุณญาดา วรรณบุษปวิช นักวิชาการศึกษา ก.พ.ร. และ น.ส.ภาวนา ช้างใหญ่ นักวิเคราะห์นโยบายและแผน สนผ.)


Written by: พิทักษ์ โสตถยาคม